ถ้าเกิดเอ๋ยถึงนักแสดงอาวุโส ไม่มีผู้ใดไม่ทราบ “ป้าเขียด นภาพร หงสกุล” ที่เคยฝากผลงานในวงการบันเทิง ทั้งงานละครและงานภาพยนตร์มาแล้วนับร้อยเรื่อง

แถมผลงานที่ทำให้ป้าเขียดมีชื่อเสียงโด่งดัง คือ “ประชาชนชาวแฟลต” และผลงานอื่นๆอีกมากมาย แต่แล้ว ป้าเขียด ต้องเจอกับวิกฤติอย่างหนัก

จนถึงเล่นละครไม่ได้มานับเป็นเวลาหลายปี ส่งผลให้ครอบครัวที่เคยมีกลับต้องขาด แต่เหมือนเคราะห์ลูกชายคนเดียวที่ดูแลป้าเขียดอยู่จะต้องไม่มีงานทำในช่วงสถานการณ์

ทำให้ครอบครัวที่เคยมีกลับไม่มีเลย ปัจจุบัน หนุ่ม คงกระพัน เดินทางไปเยี่ยมอาการของป้าเขียด ซึ่งตอนนี้ป้าเขียดเปิดร้านขายของชำอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี

โดย ป้าเขียด เปิดเผยว่า ตนเองย้ายมาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีได้ประมาณ 14-15 ปีแล้ว โดยสาเหตุที่ย้ายมา เนื่องจาก ขณะนั้นลูกชายตกงานอยู่ที่กรุงเทพสักพักหนึ่ง

แล้วมาได้งานที่จังหวัดปราจีนบุรี จึงไม่อยากทิ้งแม่ไว้ที่กรุงเทพ เนื่องจาก ป้าเขียดมีประจำตัวเยอะ จึงพาคุณแม่มาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีด้วย

ซึ่งแรกๆที่อยู่จังหวัดปราจีนบุรี ป้าเขียด ก็ยังเล่นละครอยู่ประมาณ 2-3 ปี และเริ่มหยุดงานในวงการบันเทิง เนื่องด้วย ผู้จัดกลัวการเดินทางจะลำบาก

โดยเรื่องสุดท้ายที่เล่นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยอมรับคิดถึงบรรยากาศการทำงานละคร รวมถึงเพื่อนๆในวงการบันเทิง กระทั่ง ป้าเขียด เกิดสุขภาพทรุดลง

เพราะ มีต้นเหตุที่เกิดจากเบาหวาน รวมทั้ง ความดัน ซึ่งเป็นประจำตัวที่เคยเป็นมานานแล้ว แต่อยู่ดีๆเกิดเป็นลมเป็นแล้งหน้ามืด ไม่รู้สึกตัว 15 วัน ตั้งแต่ปลายปี 2562

แต่ว่ามาเริ่มหนักช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สามารถเดินเหินได้สบาย แต่ยังไม่สามารถเดินไกลๆได้ เนื่องจากหัวเข่าไม่มีแรงและต้องใช้ไม้เท้าช่วยอยู่

ซึ่งการดูแลและรักษาใช้สิทธิ์บัตรทองสวัสดิการ ด้าน ลูกชาย เผยว่า ตนเองต้องมาเจอวิกฤติตกงาน เนื่องจาก นายญี่ปุ่นที่เคยเป็นเจ้านายกลับประเทศ

จึงทำให้ลูกชายต้องตกงานไปอีกทาง ยอมรับว่ายังติดค้างค่าน้ำ และค่าไฟเขาอยู่ เพราะว่า เงินที่ได้จากการขายของเป็นกำไรที่ต้องไปซื้อของหมุนเข้าร้าน

ต้องมากกั๊กไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและการดูแลซื้ออุปกรณ์ให้คุณแม่ใช้ จึงทำให้ของขายออกแต่ไม่มีตังค์ซื้อของเข้าร้าน อีกทั้งบ้านที่จังหวัดปราจีนบุรี

แม้ว่าจะเป็นบ้านลูกชายที่ซื้อเองก็จริงแต่ว่าก็ยังผ่อนอยู่ แล้วก็ขณะนี้ตกงานจากที่นายญี่ปุ่นกลับประเทศ จึงหันมาขับรถส่งอาหาร ซึ่งได้วันละ 300 กว่า

แล้วต่อจากนั้นหักค่าน้ำมันวันละร้อย จึงเหลือวันละ 200 บ โดยเฉลี่ยเดือนต่อเดือนได้วันละ 6000 กว่าบ ทางผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปเยี่ยมและพูดคุยกับดาราอวุโสท่านนี้ที่หมู่บ้านพานหินแปด

โดยหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของชําเล็กๆทางป้าเขียดตอบว่าอยู่ที่นี่ประมาณ 10 ปีแล้วซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็อยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลักเพราะตอนนั้นยังรับงานแสดงอยู่ จากลูกชายได้ย้ายมาอยู่ที่ปราจีนและได้ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมสหกรรม 304

ตอนที่มาอยู่แรกๆก็เช่าเขาอยู่ หลังจากนั้นพอได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งลูกชายถึงซื้อบ้านหลังนี้ไว้ให้พ่อแม่ได้พักอาศัย ซึ่ง10 กว่าปีก่อนก็พอมีงานแสดงให้ได้รับแสดงบ้าง แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นบวกกับตัวเองมีประจำตัวอยู่ดีๆก็ฟุบไป