
Uncategorized
ชีวิต รัก สายเชีย
“จน เครียด กินเหล้า!” กลายเป็นประโยคเด็ดที่ทำให้ ‘สายเชีย วงศ์วิโรจน์‘ กลายมาเป็นนักแสดงที่ผู้คนทั่วประเทศต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ในตอนนี้

และเราต่างทราบกันดีว่าในตอนนี้ชีวิตของคุณพี่สายเชียนั้นไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆจนประสบความสำเร็จ แปลงเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ และก็ก้าวเดินเข้าสู่วงการฮอลลีวูดไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ว่าเชื่อว่าหลายคนยังคงไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จของเขาว่าชีวิตของเขานั้นลำบากมาจำนวนมากขนาดไหน วันนี้ #เหมียวนานะ เลยต้องการจะพาทุกคนมาเล่าชีวิตของพี่สายเชียกันจ้ะ

เปิดชีวิต โยกเยก เชิญยิ้ม สู้ ชีวิ ต จนกระทั่งมี บ้านข้างหลังใหม่เปิดชีวิต โยกเยก เชิญยิ้ม สู้ ชีวิ ต จนมี บ้านหลังใหม่ ความลำบากที่พบเห็นมาตั้งแต่เด็ก สายเชีย สกุลวิโรจน์ เกิดที่เชียงราย มีป๋าเป็นคนโคราชแล้วก็คุณแม่เป็นคนมหาสารคาม คุณพี่สายเชียเรียนและใช้ชีวิตอยู่ในเชียงรายตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกชาวนาที่ต้องช่วยครอบครัวทำนาเพื่อหาเลี้ยงชีพอยู่เป็นประจำ

แน่ๆว่าการทำนามันไม่สามารถที่จะประทังชีวิตทั้งครอบครัวได้ แถมยังเจอน้ำท่วมแทบทุกปีอีก เขาเลยจะต้องไปพบงานรับจ้างเล็กๆน้อยๆทั้งหาดอกไม้มาแลกซื้อข้าวกิน รับจ้างหักข้าวโพด กรอกมันสำปะหลัง ซื้อผลไม้ตามวัดมามัดขาย ส่งควายไปโรงฆ่าสัตว์ ฯลฯ หากอยากได้ของเล่นก็ต้องประดิษฐ์เองเพราะไม่มีเงินซื้อ

จริงๆแล้วพี่สายเชียรักการเรียนมากมายเลยค่ะ เขาอยากเรียนหนังสือมากๆแต่ครอบครัวไม่มีส่งก็ต้องไปรับจ้างซักผ้าให้คุณครู ไปจนถึงขุดส้วม เพื่อแลกกับค่าเทอมในแต่ละเทอมเลยทีเดียว

เริ่มย้ายถิ่นฐาน จนมาถึงอายุ 16 ที่พี่สายเชียไม่มีเงินเรียนจริงๆแล้วก็เลยไปทำงานใช้หนี้ให้คุณลุงที่จังหวัดกำแพงเพชร เช่าที่ดิน ทำนา ไถนาหวังเงิน แต่สุดท้ายน้ำท่วมจนสูญเสียไปหมด เขาเลยทิ้งทุกอย่างและเข้าจ.กรุงเทพฯ สมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับจนต้องไปขอข้าวที่วัด นอนที่วัด แล้วก็ได้ทำงานดูแลคนพิการที่มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ พ่วงกับงานกรรมกรตอกเสาเข็มบ้าง นักมวยบ้าง จนสุดท้ายก็ไปช่างเชื่อม จุดเริ่มต้นของวงการบันเทิง จุดเริ่มของการเข้าสู่วงการบันเทิงก็คือมีคอลัมน์หนังสือพิมพ์ลงโฆษณาหาตัวประกอบ รายได้ 800 บาท พี่สายเชียเลยตั้งมั่นจะไปสมัคร แต่ดั๊นต้องมีค่าสมัครอีก 150 บาท ซึ่งเงินของเขาไม่พอจ่าย ด้วยเหตุนี้เลยไปนั่งทำความรู้จักกับเหล่านักแสดงคิวบู๊และเริ่มรับงานเป็นตัวประกอบในปี 2529 มีโมเดลลิ่งคอยป้อนงานให้บ้าง โดยงานแรกก็คือบททหารยามเฝ้าหน้าพระราชวัง

พี่สายเชียไม่อยากเป็นแค่ตัวประกอบ เขาเลยไปเริ่มเรียนคิวบู๊ต่างๆเพื่ออัปเกรดตนเองเป็นสตั๊นท์แมน ซึ่งเขาทำมันออกมาได้ดีเยี่ยมจากทักษะตอนเด็กๆและความแข็งแรงที่มีมาตลอดชีวิต จนเขาได้ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ต่างชาติจากหนังจีนเรื่องหนึ่ง และหนังเรื่องนั้นทำให้เขาได้รู้จะการเซฟร่างกายตัวเองมากขึ้น จากนั้นเขาเลยได้รับงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงทุกวันนี้

จากเด็กยากจน ก้าวสู่นักธุรกิจ หากอ่านมาตั้งแต่ต้นก็จะเห็นว่าพี่สายเชียมีทักษะในการใช้ชีวิตทั้งร่างกายและการทำงานมามากพอสมควร ซึ่งเขามีหัวนักธุรกิจตั้งแต่เด็กๆแล้วเขาเลยเริ่มเอาเงินไปลงทุน