กลายเป็นเจ้าของวลีเด็ดไปแล้วสำหรับ อาหร่อยยย! คำพูดฮิตที่โด่งดังสุด ๆ ของ ‘นิรัญ ช้างกลาง’ หรือ ‘โชเล่ย์ ดอกกระโดน’ นักแสดงตลกชื่อดัง

ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็น ยูทูบเบอร์ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 9 ล้านคน เป็นเน็ตไอดอลอีกคนของวงการยูทูบเบอร์ก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า

จากที่ตัวเองเป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายล้าน อาชีพนี้ทำให้ตนสามารถปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว และมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีลูก ๆ มาช่วยทำอีกแรง

ไม่มีงานในวงการมา 10 ปีแล้ว หลังจากตัดสินใจเดินออกจากวงการ ไม่รับงานเอง เพราะน้อยใจหลังถูกเพื่อนตลกแซว ทั้งที่จริง ๆ เพื่อนแค่หยอก

โดยกลับไปอยู่บ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงนั้นมีเงินเก็บอยู่เยอะพอสมควร แต่ก็ใช้ไปเรื่อย ๆ รวมถึงยังได้ไปซื้อบ้านราคา 4.2 ล้านบาท ต้องผ่อนกับธนาคารทุกเดือน

“เราต้องกินต้องใช้ทุกวัน พอเงินในธนาคารเหลืออยู่ 5 แสนบาท เราก็คิดแล้วว่าถ้าเงินหมด เราจะไปหาที่ไหน ทำร้านอาหารก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เลยตัดสินใจแต่งหญิง

ออกมาเดินแจกนามบัตรหวังว่าจะกลับเข้าวงการใหม่ รวมถึงก็ไปหาเพื่อน หาผู้สร้าง ผู้จัด แนะนำตัว แต่ก็เงียบอาจจะด้วยคาแร็กเตอร์เราไม่ตรงกับงานของเขา

จุดเปลี่ยนที่หันมาเป็นยูทูปเบอร์ เกิดขึ้นจากวันหนึ่งทำบุญบ้าน น้องชายเปิดเพลงอินเดีย ตนก็นึกสนุกลุกขึ้นเต้น ระหว่างตักอาหารไปพร้อมกัน

และลูกสาวก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิป ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าลูกจะเอาไปโพสต์ ด้วยความที่ชอบการแสดงก็เล่นกล้องไปเรื่อย ปรากฏลูกสาวเอาไปลง

และมีคนดูล้านกว่าวิว จึงทำให้สนใจและเริ่มเรียนรู้การทำคลิป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธโซเชียลมาตลอด แถมยังไม่อยากให้ลูกเล่นเพราะกลัวโดนหลอกเสียคน

ยูทูบเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย โดยเฉพาะจากการเป็นหนี้ ก็ไม่เป็นหนี้ เมื่อก่อนเป็นหนี้แบกภาระมันหลายสิบปี ค้างอยู่ 2-3 ล้านกว่า ปลดหนี้หมดเลย

เก็บเงินเป็นก้อน ๆ แล้วไปโปะเลย พอโปะแล้ว หมดเรี่ยวแรงที่จะทำยูทูบ 2 วันคลิป แต่พอเก็บเงินได้ เอาไปปลดหนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าล้า เพราะอายุ 60 กว่าแล้ว

มันก็ล้า เลยออกคลิปช้า มีแต่คนถามว่าทำไมออกคลิปช้า ลูกเขาเลยแบบออกจากงานประจำมาช่วยพ่อ ตั้งแต่โควิดเขาก็ไม่มีงานก็เลยให้ช่วยพ่อถาวรไปเลย

ดีใจมาก เพิ่งรู้ว่าความสุขที่แท้จริงเป็นยังไง มีรายได้เข้ากระเป๋าแบบรัว ๆ จนสามารถหอบเงินสดเกือบ 4 ล้านไปปิดหนี้บ้านที่ผ่อนมานานได้สำเร็จ”

อีกทั้งเจ้าตัวยังบอกอีกว่า ตนยังไม่มีแพลนจะซื้ออะไรเพิ่ม รถก็ยังใช้คันเก่าที่ซื้อมาเมื่อ 20 ปีก่อน เพราะตนคิดว่ายังใช้ได้อยู่ และอยากจะเก็บเงินไว้ทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุด